ฝากขายบ้านกับโบรคเกอร์ดีอย่างไร
ในการขายบ้านมือสอง นั้นเจ้าของบ้านมีทางเลือกว่าจะป็นผู้ขายบ้านเอง ซึ่งก็ต้องมีทั้งเวลาและความรู้พอสมควร เพราะต้องทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ วางแผนทำการตลาด ตั้งราคาขายบ้าน ติดต่อและพาเยี่ยมชม เปิดบ้านให้ลูกค้าดู แถมบางทีอาจยังต้องช่วยหาแหล่งเงินกู้หรือติดต่อกับสถาบันการเงินให้อีกด้วย ก่อนจะไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือการทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์
แต่หากไม่มีเวลาหรือไม่อยากยุ่งยากจะใช้บริการขายบ้านกับโบรคเกอร์ หรือบริษัทตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ให้ช่วยดำเนินการแทนก็ย่อมได้
ปัจจุบันมีบริษัทตัวแทนนายหน้าหรือโบรคเกอร์ให้เลือกใช้บริการหลายแห่ง โดยเงื่อนไขการรับฝากขายบ้านก็จะมีมาตรฐานที่คล้ายๆ กัน คือการฝากขายบ้านโดยให้สิทธิกับโบรคเกอร์นั้นๆ เพียงผู้เดียว และบริการที่จะได้รับจากโบรคเกอร์ ซึ่งจะต้องนำมาเปรียบเทียบดูวิธีการทำการตลาดของโบรคเกอร์แต่ละรายว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนค่าคอมมิชชั่นที่ผู้ฝากขายบ้านจะต้องจ่ายให้กับโบรคเกอร์ (เมื่อขายบ้านได้) นั้น โดยทั่วไปอยู่ที่อัตรา 3% อย่างไรก็ตามในการจะเลือกใช้บริการจากโบรคเกอร์รายใดนั้นมีข้อควรพิจารณาดังนี้ ประการแรกคือบริการที่จะได้รับจากโบรคเกอร์นั้นๆ ประการที่สองช่องทางการทำการตลาดให้กับเจ้าของบ้านมีอะไรบ้าง
ที่สำคัญการซื้อขายบ้านที่ต้องอาศัยแหล่งเงินกู้หรือสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากได้โบรคเกอร์ที่มีสถาบันการเงินสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อซื้อบ้านแล้วล่ะก็ จะเป็นผลดีต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขายบ้าน
แต่ถ้าไม่มีคอนเนคชั่นหรือไม่สามารถติดต่อหาสินเชื่อให้กับผู้ซื้อบ้านได้ ก็อาจมีผลทำให้ขายบ้านไม่ได้แม้ผู้ซื้อจะอยากได้บ้านขนาดไหนก็ตาม
และประการสุดท้ายเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะตัวแทนโบรคเกอร์หรือพนักงานที่จะขายบ้านให้เราควรประเมินดูว่าจะสามารถขายบ้านให้เราได้หรือไม่ หากยังไม่มั่นใจในตัวพนักงานดังกล่าวก็ควรเลือกพนักงานคนอื่นที่มีความเป็นไปได้มากกว่าแทน
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของการทำนิติกรรมต่างๆ ซึ่งโบรคเกอร์จะต้องให้บริการกับผู้ฝากขาย ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ การตรวจสอบการเสียภาษีและค่าใช้จ่าย โดยทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเพื่อประเมินทางเลือกในการใช้บริการฝากขายบ้านกับโบรคเกอร์ด้วยเช่นกัน
กล่าวโดยภาพรวมแล้วการซื้อขายบ้านถ้ามีการเจรจาผ่านนายหน้าหรือโบรคเกอร์มืออาชีพ ก็เรียกได้ว่าจะมีตัวช่วยที่จะมาทำงานแทนหรือช่วยหาข้อยุติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งราคาขาย การติดต่อลูกค้า การต่อรองราคา ตลอดจนการจัดทำนิติกรรมต่างๆ โดยที่เจ้าของบ้านไม่ต้องยุ่งยากดำเนินการเอง
จะขายบ้านเอง หรือให้โบรคเกอร์ขายให้ดี!
ทุกวันนี้การหาที่อยู่อาศัยใหม่ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้นที่เราต้องซื้อบ้านจัดสรร ในต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นเทศบาลจังหวัด เทศบาลอำเภอ หรือเทศบาลตำบลก็ต้องซื้อที่อยู่อาศัยใหม่จากโครงการบ้านจัดสรรด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยเพื่อซื้อหลังที่ใหญ่ขึ้น หรือการย้ายทำเลจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองหนึ่ง ทำให้ต้องขายบ้านหลังเก่าเพื่อที่ซื้อบ้านหลังใหม่ ขณะเดียวกันก็มีบางคนที่มีความต้องการจะซื้อบ้านในโครงการที่เปิดใช้แล้ว ไม่ได้ซื้อโครงการบ้านจัดสรรใหม่ หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้บางคนคิดว่าทำเลที่อยู่ไม่สบายใจ อยากขายบ้านแล้วไปหาที่อยู่ใหม่ จึงทำให้เกิดการซื้อขายบ้านมือสองขึ้น
อย่างไรก็ตามความต้องการขายบ้านนั้นหลายๆ คนอาจมีเหตุผลและความจำเป็นที่แตกต่างกัน เช่น อยากขายบ้านเก่าเพื่อเปลี่ยนเป็นบ้านใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรืออยากขายบ้านเพราะหนีน้ำท่วม บางคนอยากขายบ้านเพราะต้องการได้เงินเพื่อนำไปใช้ทางธุรกิจ บางคนซื้อมาแล้วไม่ได้อยู่ก็ต้องการขายเพื่อตัดภาระผ่อนบ้านออกไป
ดังนั้นผู้ขายต้องถามตัวเองก่อนว่าต้องการขายบ้านเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ถ้าต้องการขายเพราะร้อนเงิน แล้วจะใช้เงินช่วงไหน รอได้หรือไม่ เพราะถ้ารอไม่ได้แล้ววิธีการขายก็จะแตกต่างกันออกไป
ถ้ามีเวลาว่าง ไม่ร้อนเงิน อยู่กับบ้านตลอดเวลาก็สามารถให้บริการลูกค้าได้ เช่น ถ้าลูกค้าอยากจะดูบ้านเมื่อไหร่ก็สามารถเปิดบ้านให้ดูได้ หรือราคาขายบ้านหากมีความรู้พอ รู้ราคาซื้อขายบ้าน ก็สามารถตัดสินใจขายได้เอง แต่น้อยคนนักที่จะมีความเชี่ยวชาญได้แบบนี้
เพราะในชีวิตคนๆ หนึ่งอาจมีบ้านได้แค่ 1-2 หลัง หรือในชีวิตอาจไม่มีบ้านเลยก็ได้ บางคนไม่มีความรู้เรื่องนี้ ในชีวิตประจำวันก็ต้องทำงาน ซึ่งวิธีการขายปัจจุบันมีทางเลือกในส่วนของการใช้บริการโบรคเกอร์ หรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ว่าจะขายบ้านด้วยตัวเองหรือจะฝากโบรคเกอร์ขายบ้านให้นั้น มีสิ่งหนึ่งที่ผู้ขายมักจะกลัว ก็คือราคาที่จะขายนั้นควรเป็นราคาเท่าไหร่ดี เพราะถ้าขายเองก็อยากจะขายได้ในราคาที่สูงๆ ถ้าให้โบรคเกอร์ขายก็จะถูกกดราคา
ข้อแนะนำเบื้องต้นควรสำรวจก่อนว่าในหมู่บ้านเดียวกันนั้นมีการประกาศขายบ้านในราคาที่เท่าไหร่ ก็จะทำให้รู้ราคาคร่าวๆ ในใจ แล้วจึงมาดูที่ตัวเราเองว่าร้อนเงินหรือไม่ ถ้าไม่ร้อนเงินมาก แล้วสภาพบ้านยังดูดี เราก็ควรจะขายได้ตามราคาละแวกนั้น แต่โดยธรรมชาติของคนไทยแล้วควรตั้งราคาขายเพื่อให้ต่อไว้บ้าง เพราะคนไทยถ้าซื้อแล้วไม่ได้ลดราคาเลยจะไม่สบายใจ
โดยสรุปคือคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้ที่คิดจะขายบ้าน ประการแรกคือต้องดูตัวเองก่อนว่าต้องการรีบร้อนขายบ้านหรือเปล่า ถ้าหากไม่รีบก็ขายเองได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ฝากให้โบรคเกอร์ขายบ้านให้แทน ประการที่สองคือในการตั้งราคาขายบ้านควรสำรวจราคาตลาดของบ้านแถวๆ ย่านนั้นก่อน เพื่อให้ได้ราคาคร่าวๆ เบื้องต้น แต่ถ้าร้อนเงินก็จะต้องตั้งราคาขายที่ต่ำกว่า และประการสุดท้ายคือเมื่อได้ข้อยุติเรื่องราคาขายแล้ว ควรตั้งราคาขายไว้เผื่อการต่อรองสักเล็กน้อย เพื่อเป็นแท็คติคให้คนซื้อรู้สึกดีที่ได้ซื้อโดยได้ลดราคาด้วย